ปลายหมอกและดอกหญ้า - นิยาย ปลายหมอกและดอกหญ้า : Dek-D.com - Writer
×

    ปลายหมอกและดอกหญ้า

    นิยายรักอารมณ์ดี เมื่อยายอิงแก้ว สาวจอมเพ้อฝันต้องมาร่วมงานกับภูธนาทายาทไร่กาแฟมือใหม่ พบกับความรักอันบริสุทธิ์ภายใต้ธรรมชาติในไร่กาแฟ ในเรื่อง "ปลายหมอกและดอกหญ้า"

    ผู้เข้าชมรวม

    16,626

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    21

    ผู้เข้าชมรวม


    16.62K

    ความคิดเห็น


    21

    คนติดตาม


    400
    จำนวนตอน :  25 ตอน (จบแล้ว)
    อัปเดตล่าสุด :  14 ธ.ค. 64 / 21:42 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



    อ่านนิยายเรื่องปลายหมอกและดอกหญ้ารีไรท์ในลิ้งค์นี้










     


    เมื่อเขา...ทายาทคนเดียวของไร่กาแฟฃในภาคเหนือ มีพร้อมทั้งฐานะ หน้าที่การงานที่ดีสมบูรณ์แบบ มีความฝันคือการเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ในบรรยากาศแสนอบอุ่นในแถบชานเมืองของจังหวัดเชียงใหม่ แต่ทว่าต้องร่วมทำธุรกิจผู้หญิงแสนร้ายกาจที่เขาเคยสัญญาว่าจะไม่มีทางญาติดีกับหล่อนเป็นอันขาด

    และเธอ...หญิงสาวปากร้าย โลกส่วนตัวสูง เป็นที่รักของคนรอบข้าง น่ารัก สดใส แต่ทว่ากลับต้องอกหักเพราะรักข้างเดียวอยู่ร่ำไป ซ้ำยังต้องตกงานอีก ทำให้หล่อนอยากจะทำธุรกิจเล็กๆ ในฝันคือร้านกาแฟ...แต่จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อหล่อนไม่เคยแม้จะปรุงกาแฟให้อร่อยเลยสักครั้ง

    การได้ทำธุรกิจในฝันเป็นจุดเริ่มต้นความรักยุ่งๆ ของเขาและเธอ  เมื่อภูธนา หนุ่มไฟแรง ลูกชายคนเดียวผู้สืบทอดไร่กาแฟม่อนภูผู้ยึดติดอยู่กับความสมบูรณ์ ถูกบูรณาน้องสาวแสนรักเป็นแม่สื่อแม่ชักและทาบทามให้จีบอิงแก้วเพื่อนสาวปากร้าย  มีความเป็นตัวเองสูง ทว่าอิงแก้วไม่ยอมเล่นละครตามบทของบูรณาเพราะเกลียดขี้หน้าและความเจ้าชู้ของภูธนาเข้าไส้

    แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อทั้งสองถูกหลอกให้มาทำธุรกิจร่วมจนได้...ราวกับพรมลิขิตเล่นตลกให้คู่กัดที่ไม่ถูกขี้หน้าต้องมาพบหน้ากันทุกวัน  แก้ปัญหาร่วมกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปพร้อมกัน

    ในเมื่อเขา...ภูธนา และเธอ...อิงแก้วมีเส้นทางที่ขนานกันเช่นนี้ แล้วความรักของทั้งสองจะสามารถมาบรรจบกันได้เช่นไร



          



                              



              

    (วันที่ 11 ธันวาคม 2557)

    สวัสดีค่ะ วันนี้ writerได้มีโอกาสไปร่วมทริปของ TCDC ในหัวข้อเรื่อง "Coffee Fieldtrip" เรียนรู้กระบวนการทำกาแฟตั้งแต่ปลูก กะเทาะเปลือก คัดแยก คั่ว จนเป็นกาแฟออกมาให้เราดื่ม กับไร่ nine one coffee ซึ่งได้รับความรู้ถึงที่มาที่ไปกว่าจะมาเป็นกาแฟให้เราดื่มต้องผ่านกระบวนการอะไรมาบ้าง  writer จึงอยากนำประสบการณ์ดีๆนี้มาแชร์ให้กับผู้อ่านทุกท่านค่ะ พร้อมกับแล้วหรือยังคะ

    ตามมาเลย ^^

                  
    อากาศในยามเช้าเย็นสบายค่อนข้างจะหนาว แต่ก็มีแสงแดดอ่อนๆทอประกายต้อนรับวันใหม่ ถึงแม้พวกเราจะยังคงงัวเงียกันอยู่บ้างก็ตาม
               

    เราได้มาหยุดพักคือร้าน nine one coffee เพื่อมาร่วมฟังตารางการเดินทางและกิจกรรมในวันนี้โดย staff ของ TCDC. และเดินทางโดยรถโฟวิล

                          

    เอาล่ะstaff เรียกรวมตัวแล้ว พวกเราก็กระโดดขึ้นรถโฟวิลเพื่อเดินทางไปไร่กาแฟบนภูสูงที่เต็มไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทางขึ้นในขั้นแรกเราผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แอบมีลาดชันเล็กน้อ
                                                    

    ทางขึ้นเป็นถนนลูกลัง สูงชัน สองข้างทางเป็นป่าทึบ มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นตลอดทาง เส้นทางเป็นไปอย่างทุลักทุเล ต้องผ่านลำน้ำเล็กๆ ใช้ความชำนาญของผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้อย่างดี เพราะข้างทางนั้นมีแต่เหวค่ะ

    (ในส่วนของนิยายไร่ม่อนภูจะเป็นพื้นที่ปลูกต้นกาแฟบนดอยเช่นกัน มีความชันอยู่บ้าง แต่ปลูกบนพื้นที่ราบเป็นลักษณะการปลูกพืชเชิงเดี่ยว)

     

                  

    และแล้วเราก็มาถึงโดยสวัสดิภาพ คุณลุงวัลล์เจ้าของไร่กาแฟแห่งนี้ออกมาต้อนรับทุกคนด้วยความเป็นมิตรและกล่าวถึงที่มาที่ไปของ nine one coffee โดยคร่าวๆ โดยบอกว่าก่อนหน้านี้บริเวณนี้ชาวบ้านปลูกเมี่ยงค่ะ แต่เมื่อต่อมาความนิยมของเมี่ยงเริ่มหายไป จึงนำกาแฟมาปลูกแทน

                                              
                               พร้อมแจกตะกร้าให้กับพวกเราใช้เป็นภาชนะในการเก็บเมล็ดกาแฟ
     

                 

    คุณวัลล์บอกว่ากาแฟของที่นี่เป็นกาแฟพันธ์ อาราบิก้า กาแฟอาราบิก้า มีลักษณะต้นไม้พุ่มเล็ก ปกติมีใบสีเขียวเข้ม ใบเล็ก ขนาดต้นสูงได้ถึง5เมตร สามารถเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิ 15-23องศาเซลเซียส ในพื้นที่ที่มีความสูง 800-1500 เมตรจากระดับน้ำทะเล เมื่อผลดิบอยู่จะมีสีเขียว ส่วนผลสุกอาจมีสีเหลือง แดง หรือแดงเข้ม

    (ในนิยาย ไร่ภูธนาก็เป็นกาแฟอาราบิก้าซึ่งเหมาะสำหรับการปลูกในพื้นที่ภาคเหนือ ส่วนโรบัสต้าเหมาะกับพื้นที่ทางภาคใต้)
         
    เปลือกผล มักมีสีแดง หรือแดงเข้มแบบสีเลือดหมู สีเหลือง หรือสีส้ม เนื้อบางๆสีใส หรือสีเหลืองอ่อนๆ ที่อยู่ใต้เปลือกหุ้มรอบกะลากาแฟมีรสหวานเล็กน้อยเมื่อผลสุก
             

    จากนั้นสาธิตการเก็บเมล็ดกาแฟ โดยเราจะเลือกบิดเมล็ดที่มีผลสุกแดง ไม่ใช่การรูดออกแต่ให้บิดลูกที่สุดออกโดนใช้นิ้วบิดออกอย่างละเมียดละไม
    หลังจากที่เราได้รับความรู้กันแล้วก็ถึงเวลาลุยโลด เส้นทางไปเก็บเมล็ดกาแฟเราต้องเดินฝ่าป่านี้ไป ซึ่งเป็นทางลาดชันพอควร หนทางเต็มไปด้วยธรรมชาติ เราจึงต้องเตรียมสภาพร่างกาย และเครื่องแต่งกายให้พร้อมกับการเดินทาง มีต้นกาแฟขึ้นอยู่ตลอดทางที่เราเดินผ่าน

     

                              

    จนกระทั่งที่เดินเท้ากันมาถึงจุดหมายกำหนดให้เราสามารถเลือกเก็บกาแฟได้ ทุกคนต่างมุ่งหน้ากันเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟสุกด้วยความตัั้งใจ 

                             

     

    เมล็ดที่เราเก็บได้นั้นเราจะเรียกว่า "เชอรี่"

     

    คุณวัลล์ได้เล่าพอคร่าวๆว่ากาแฟของไร่นี้เป็นกาแฟที่ปลูกแซมขึ้นกับป่าเมี่ยง กาแฟจะมีการดูดซึมซับแร่ธาตุอาหารและมีกลิ่นเฉพาะตัว แต่การเก็บเกี่ยวก็จะยากลำบากเพราะพื้นที่มีความสูงชัน

    จึงเป็นการยากที่จะใช้เครื่องจักรได้แบบไร่กาแฟที่ปลูกในพื้นที่ที่เป็นทางเรียบ รูปนี้เป็นกาแฟที่ยังไม่สุกค่ะ

    แต่กาแฟของแต่ละพื้นที่ก็จะมีรสชาติ และกลิ่นเฉพาะตัวหรือคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ภูมิประเทศของสถานที่นั้น

    เราค่อยๆเก็บเพื่อไม่ให้กระทบถึงเมล็ดที่ยังไม่สุก (ยังคงจำฉากตอนที่นายภูธนาและอิงแก้วเก็บเมล็ดกาแฟร่วมกันได้ไหมคะ คงจะเพลินน่าดู ได้พูดคุยสนทนาร่วมกับคนงานในไร่กันอย่างสนุกสนาน) Writer ว่ามันมีเสน่ห์มากเลยนะคะในเวลาที่เราร่วมกันทำกิจกรรมร่วมกันก่อเกิดเป็นความผูกพันค่ะ

    คุณวัลล์บอกว่าบางครั้งที่พวกสัตว์ป่าเช่นพวกนก หรือค้างคาวออกมากินผลกาแฟทำให้เสียหาย แต่ก็ไม่ได้จัดการกับพวกมันแต่อย่างไร เพราะในระบบนิเวศถูกสร้างมาเพื่อแชร์กันและกันอยู่แล้ว

                           

     

    นี่คือฝือมือการเก็บของเรา ถึงแม้จะไม่เยอะแบบมือาชีพแต่ก็ภูมิใจที่สักครั้งที่นักกินกาแฟอย่างเราได้มาลองเก็บเกี่ยวด้วยมือของเราเอง
                           
    ลองปอกเปือกมาดู จะมีเมือกที่ห่อหุ้มกะลากาแฟเอาไว้
    ลักษณะของเมล็ดจะมีเส้นผ่ากลาง เอาล่ะได้เวลากลับไปจุดเริ่มต้นเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

       

    ตอนนี้เราเดินทางกลับมายังจุดเริ่มต้น เมื่อได้ผลเชอรรี่ หรือที่เรียกว่าผลกาแฟ เราก็เอามาแช่น้ำเพื่อที่จะล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกออก วิธีการนี้จะเรียกว่าวิธีเปียก ซึ่งเหมาะสำหรับการทำกาแฟแบบพรีเมียมที่ไม่มีปริมาณเยอะหรือแบบในครัวเรือน เป็นการคัดแยกเบื้องต้นว่าถ้าหากเมล็ดลอยเราจะต้องคัดออก

                         

                                             แล้วนำเมล็ดใส่ตะกร้าเพื่อเตรียมนำไปปลอกเปลือก

                

                                                                เครื่องปลอกเปลือกเชอรี่ (เปลือกกาแฟ)
                                      

                                                       จากนั้นก็นำผลกาแฟเชอรี่นั้นใส่ในเครื่อง

                              

    เครื่องจะแยกเปลือกเชอรี่ออก และกะลากาแฟจะถูกแยกออกไปอีกตะกร้า เปลือกที่แยกออกจะเอาไปทำยำให้เรากินในเที่ยงนี้
                      

                                              และกะลากาแฟที่ออกมาจะถูกแยกไปอยู่อีกที่

                           

               จากนั้นนำมาแช่น้ำเพื่อทำความสะอาดและคัดเอาเมล็ดลอยน้ำออก เมล็ดเสียจะถูกแยกไปทำปุ๋ย

     

    ขั้นตอนต่อไปก็คือเราจะต้องแช่กะลาไว้หนึ่งคืน เพื่อล้างเมือกออก หลังจากนั้นก็นำกะลาไปตากแดดเพื่อให้ให้แห้ง

                        

    นำแยกกออกจากน้ำที่แช่เอาเมือกออก  นำไปตาก (ถ้าในนิยาย ไร่ม่อนภูจะนำกาแฟมาตากในลานกว้าง ที่มีแดดเพียงพอและมีอากาศถ่ายเท)

               
    เมื่อตากจนแห้งแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการสีกะลาหรือการนำเปลือกแข็งที่หุ้มสารกาแฟออก กะลากาแฟจะเป็นเกาะแข็งๆที่ห่อหุ้มสารกาแฟ (เมล็ดกาแฟ)
             
                                
    นำมาเข้าเครื่องสีกะลา เมื่อกะลาที่ถูกสีเสร็จก็จะถูกเทมาในภาชนะที่รองรับ ซึ่งด้านในนี้ก็จะมีเปลือกกะลาติดมาด้วย ดังนั้นจึงต้องนำมาร่อนเพื่อแยกสารกับเปลือกกะลาออก

     

      

     

    เราจะเห็นได้ว่าสารของกาแฟจะอยู่ในกะลาที่มีเนื้อแข็งแบบนี้ เมื่อร่อน เราก็จะได้สารกาแฟ (เมล็ดกาแฟ)ซึ่งมีสีเขียวอมเทา  แล้วคัดเมล็ดเสีย ซึ่งต้องใช้ผู้เชียวชาญในการควบคุม

     

                            
            

     

    เมื่อเราคัดในเบื้องต้นแล้ว เราจะนำเมล็ดมาใส่เครื่องคัดแยก ซึ่งเครื่องคัดแยกนี้จะมีการคัดเมล็ดเสีย เมล็ดที่เล็กไป ใหญ่ไป หรือเมล็ด pea berry หรือเมล็ดโทน เมล็ดที่มีลักษณะกลมเหมือนถั่ว หรือเรียกว่า pea berry หรือเมล็ดโทน เมล็ดชนิดนี้เจริญพัฒนาเจริญพัฒนาของไข่ในรังไข่เพียงข้างเดียว เมล็ดประเภทนี้จะถูกกจัดไว้เป็นเมล็ดคุณภาพพิเศษ มีราคาสูงกว่าเมล็ดธรรมดา เพราะเชื่อว่าเมล็ดเดี่ยวที่ได้รับสารอาหารเต็มที่ เมื่อคั่วด้วยความร้อนจะมีรสชาติดี เมล็ดโทนมักมีขนาดผลเล็กกว่าทั่วไป

             

                  ภายในก็จะเป็นเครื่องแยกเมล็ดแบบหมุม เมล็ดที่ไม่ได้มาตรฐานจะหลุดออกไปทีละชั้น
               

                                เมล็ดหลากขนาดกำลังถูกถูกแยกลงในตะกร้าที่กำหนดตามขนาดของเมล็ด            
                 

            

    เมล็ดหลากขนาดกำลังถูกถูกแยกลงในตะกร้าที่กำหนดตามขนาดของเมล็ด
                 

    เมล็ดจะถูกไหลลงตามช่องตามขนาดที่กำหนด เป็นอันจบในขั้นตอนของการทำกาแฟเบื้องต้น ตอนนี้เราต้องไปพักกินข้าวเที่ยวกันก่อนแล้วล่ะ

                                 


                                                     

    นี่คือเครื่องคั่วกาแฟค่ะ คุณวัลล์สาธิตการคั่วกาแฟ ซึ่งต้องมีการจัดการด้านเวลา และอุณหภูมิให้เหมาะสม

                  
                                                 กลิ่นตอนคั่ว กลิ่นคล้ายข้าวคั่ว หอมประมาณนั้น

     

                 

                                      แล้วเก็บใส่ถุง นำไปเก็บพักไว้1-2อาทิตย์ถึงจะนำมาใช้ชงได้

                                                     
                
    เมล็ดที่คั่วเสร็จต้องนำมาตรวจวัดค่าความเหมาะสมในการนำมาปรุงกาแฟในแต่ละประเภท โดยมีเครื่องมือเฉพาะทางตรวจวัดค่าความเข้ม

                  

    แยกบรรจุใส่ภาชนะ เมล็ดกาแฟคั่วสักหน่อย รสตอนสัมผัสแรกคือเปรี้ยว ตามด้วยขมเบาๆ แต่มันกรอบ และเมื่อเคี้ยว จะมีรสชาติคล้ายๆมะขามคั่วประมาณนั้น



               
    เปลือกของผลเชอรรี่สามารถนำมาปรุงอาหารได้ค่ะ ที่เห็นนี้คือยำเปลือกเชอรี่ใส่ทูน่าค่ะ รสชาติอร่อยมาก

                            

    จบทริปดีมีประโยชน์ของคนรักกาแฟเท่านี้ค่ะ ขอบคุณการเดินทางในครั้งนี้ทั้งจาก TCDC และร้าน nine one coffee และเพื่อนร่วมเดินทางและนักอ่านทุกคนค่ะ.

                          - ติดตามนิยายได้ตามลิงค์ที่อยู่ด้านล่างค่ะ ขอบคุณค่ะที่ติดตามมาตลอด
    -
     

     

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น